*** สินค้ามีรับประกัน 1 ปี ***
เครื่องกำจัดกลิ่นในห้อง และฆ่าเชื้อโรค สลายสารก่อภูมิแพ้ Maxell OZONEO MXAP-AR201 เป็นนวัตกรรมผ่านการจดสิทธิบัตรจากประเทศชั้นนำ ซึ่งพัฒนาโดยแบรนด์สัญชาติญี่ปุ่นอย่าง แบรนด์ Maxell โดยตัวเครื่องนั้นสามารถกำจัดกลิ่น ควัน และฆ่าเชื้อโรค ไม่ว่าจะเป็นเชื้อไวรัส เชื้อรา หรือ เชื้อแบคทีเรีย และยังสามารถสลายสารก่อภูมิแพ้ได้ ถึงตัวเครื่องจะมีขนาดเล็ก แต่ครอบคลุมพื้นที่ได้มากกว่า 16 ตารางเมตร กันเลยทีเดียว
โดยคุณสามารถหาซื้อ เครื่องกำจัดกลิ่นในห้อง และฆ่าเชื้อโรค สลายสารก่อภูมิแพ้ Maxell OZONEO MXAP-AR201 และสินค้าประเภทแกดเจ็ตสำหรับบ้าน ที่อยู่อาศัย และสุขภาพ ได้ที่ ร้านฮาบิเทค (habitech Store) ซอย สาทร 10 แล้ววันนี้
เครื่องกำจัดกลิ่นในห้อง และฆ่าเชื้อโรค สลายสารก่อภูมิแพ้ Maxell OZONEO MXAP-AR201 นั้นมีดีไซน์ที่สวยงาม ขนาดกะทัดรัด ทำให้สะดวกต่อการพกพา และยังสามารถตั้งตามจุดต่างๆ ได้ตามต้องการ เช่น ห้องนอน ห้องน้ำ หรือแม้กระทั่งในรถยนต์ นอกจากนี้ยังสามารถดูแลรักษาได้อย่างง่ายดาย ด้วยการถอดแผ่นเพลทออกมาล้างนํ้าเปล่าเดือนละ 1 ครั้ง ไม่ต้องเปลี่ยนไส้กรองตลอดอายุการใช้งาน โดยมีให้เลือกด้วยกัน 3 สี ได้แก่
เครื่องกำจัดกลิ่นในห้อง และฆ่าเชื้อโรค สลายสารก่อภูมิแพ้ Maxell OZONEO MXAP-AR201 นั้นมาพร้อมเทคโนโลยีที่จดสิทธิบัตรอย่าง Multiplex Ring Discharge มากถึง 16 วง ซึ่งสามารถปล่อยปริมาณประจุลบอิออนและโอโซนได้มากกว่าเครื่องทั่วไปถึง 3 เท่า โดยที่ไม่มีเสียงรบกวน และได้ผลรวดเร็ว
โดยเจ้าเครื่องนี้จะปล่อยประจุลบอิออนและโอโซนความเข้มข้นตํ่า 0.018 PPM ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต และเหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่ขนาดใหญ่ และสามารถปรับระดับปริมาณการผลิตประจุลบอิออนและโอโซนจากเครื่องได้ถึง 2 ระดับ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของตัวเครื่อง
จุดเด่นของ เครื่องกำจัดกลิ่นในห้อง และฆ่าเชื้อโรค สลายสารก่อภูมิแพ้ Maxell OZONEO MXAP-AR201 อีกประการก็คือ เทคโนโลยีที่เป็นเอกลักษณ์อย่าง Air Success Technology ซึ่งถูกออกแบบมาให้ทำงานด้วยเสียงที่เงียบ และมีประสิทธิภาพสูง โดยไม่จำเป็นต้องใช้พัดลม หรือ มอเตอร์ จึงสามารถใช้งานในห้องที่ต้องการความเงียบอย่างห้องนอนได้สบายๆ
เครื่องกำจัดกลิ่นในห้อง และฆ่าเชื้อโรค สลายสารก่อภูมิแพ้ Maxell OZONEO MXAP-AR201 นั้นผ่านการทดสอบประสิทธิภาพต่างๆ จากประเทศชั้นนำ ได้แก่ ญี่ปุ่น (Japan), จีน (China), สหรัฐอเมริกา (USA), เกาหลี (Korea), อินโดนีเซีย (Indonesia) และไทย (Thailand) โดยมีผลการทดสอบดังนี้